นกกระจิบ ประวัติและความรู้เกี่ยวกับนกกระจิบ

นกกระจิบเป็นนกขนาดเล็ก น่ารัก พบได้ทั่วไปในประเทศไทย มีหลายชนิด เช่น นกกระจิบธรรมดา นกกระจิบคอดำ นกกระจิบหัวแดง (อังกฤษ: Tailorbird)อยู่ในสกุล Orthotomus เป็นนกขนาดเล็ก จากปลายปากถึงปลายหางรวมกันแล้วยาวเพียง 12 เซนติเมตร ปากเล็กบาง ขายาวเรียวเล็ก ชอบกระดกหางขึ้นลงและกระโดดไปมาตลอดเวลา หากินตามกิ่งไม้ อยู่เป็นคู่ ทำรังอยู่ด้วยกัน วางไข่คราวละ 3-5 ฟอง ไข่สีเขียว สีฟ้าหรือสีชมพู มีจุดสีน้ำตาลกระจายอยู่ทั่วไป ใช้เวลากกไข่ประมาณ 12 วันก็จะฟักออกเป็นตัว

ในประเทศไทยมีนกกระจิบ 5 ชนิดคือ

• นกกระจิบหางยาว O. sutorius
• นกกระจิบคอดำ O. atrogularis
• นกกระจิบหัวแดง O. sepium
• นกกระจิบกระหม่อมแดง O. sericeus
• นกกระจิบภูเขา O. cuculatus

นกกระจิบ ถิ่นกำเนิดของนกกระจิบ

คือเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนกกระจิบชนิดแรกของโลกคือ นกกระจิบหางยาว (Orthotomus sutorius) ซึ่งพบได้ทั่วไปในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยด้วย

ลักษณะของนกกระจิบ

• นกขนาดเล็ก มีขนาดประมาณ 10-15 เซนติเมตร
• ขนลำตัวมีสีเขียวแกมเหลือง หน้าผากสีน้ำตาลแดง บริเวณหัวตาและคิ้วสีเนื้อ
• ปากเล็กบาง ขายาวเรียวเล็ก
• ชอบกระดกหางขึ้นลงและกระโดดไปมาตลอดเวลา
• หากินตามกิ่งไม้ อยู่เป็นคู่ ทำรังอยู่ด้วยกัน
• วางไข่คราวละ 3-5 ฟอง ไข่สีเขียว สีฟ้าหรือสีชมพู มีจุดสีน้ำตาลกระจายอยู่ทั่วไป

นกกระจิบนิสัยของนกกระจิบ

นกกระจิบเป็นนกที่ขี้อายและไม่ค่อยอยู่นิ่ง ชอบกระโดดไปมาและกระดกหางตลอดเวลา นกกระจิบจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามต้นไม้หรือพุ่มไม้ เมื่อเห็นคนหรือสัตว์ที่เข้ามาใกล้เป็นนกที่กินแมลงเป็นหลัก นกกระจิบจะใช้ปากที่เล็กและแหลมจิกแมลงจากใบไม้หรือกิ่งไม้ นกกระจิบเป็นนกที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เนื่องจากช่วยควบคุมประชากรแมลง อยู่เป็นคู่ นกกระจิบตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันทำรังและเลี้ยงลูกนก นกกระจิบจะผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อน โดยวางไข่คราวละ 3-5 ฟอง ไข่นกกระจิบมีสีเขียวหรือสีฟ้า มีจุดสีน้ำตาลกระจายอยู่ทั่วไป

อาหารนกกระจิบ
นกกระจิบเป็นนกที่กินแมลงเป็นหลัก แมลงเป็นอาหารหลักของนกกระจิบทุกชนิด นกกระจิบจะใช้ปากที่เล็กและแหลมจิกแมลงจากใบไม้หรือกิ่งไม้ แมลงที่นกกระจิบกินได้แก่ แมลงวัน ยุง มด ปลวก หนอนผีเสื้อ หนอนด้วง เป็นต้น นอกจากแมลงแล้ว นกกระจิบอาจกินเมล็ดพืชหรือผลไม้เป็นอาหารเสริมด้วย เมล็ดพืชหรือผลไม้ที่นกกระจิบกินได้แก่ เมล็ดข้าวเปลือก เมล็ดข้าวโพด เมล็ดถั่ว ผลไม้สุก เป็นต้น

เครดิตเว็บไซต์ ufarich777

อ่านวิธีเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ติดตามได้ที่ quadrone